สอนคำนวณค่าน้ำมัน กิโลเมตรละกี่บาท


สภาวะราคาน้ำมันผันผวนส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันโดยตรง การทราบอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจึงเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถวางแผนงบประมาณการเดินทางได้อย่างแม่นยำ บทความนี้จะมาแนะนำวิธีการคำนวณค่าน้ำมันด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ เพื่อให้คุณทราบต้นทุนที่แท้จริงว่ารถของคุณใช้น้ำมันกิโลเมตรละกี่บาท ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการบริหารรายจ่ายในแต่ละวันอย่างมีประสิทธิภาพ

 

แจกสูตรคำนวณค่าน้ำมันรถยนต์แบบง่าย ๆ

แจกสูตรคำนวณค่าน้ำมัน

ก่อนที่จะเริ่มใช้สูตรคำนวณ จำเป็นต้องเก็บข้อมูลการใช้งานจริงของรถยนต์ก่อน เพื่อให้ได้ตัวเลขที่แม่นยำและเข้าใจพฤติกรรมการขับขี่ของตัวเอง โดยมีขั้นตอนการเก็บข้อมูลและการคำนวณ ดังนี้

 

ขั้นตอนเตรียมพร้อมก่อนเริ่มคำนวณ (Set Zero)

  1. เริ่มด้วยการนำรถเข้าไปเติมน้ำมันให้เต็มถังจนหัวจ่ายตัดอัตโนมัติ
  2. จากนั้นให้กดรีเซ็ตเลขไมล์ระยะทาง (Trip A หรือ Trip B) บนหน้าปัดให้เป็นศูนย์

หมายเหตุ : หากรถรุ่นเก่าไม่มีฟังก์ชันนี้ ให้จดบันทึกเลขไมล์รวม (Odometer) ณ ปัจจุบันเอาไว้บนกระดาษหรือสมุดโน้ตเพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการวัดระยะทาง

 

วิธีหาปริมาณน้ำมันที่ใช้จริง

  1. ใช้งานรถตามปกติในชีวิตประจำวันจนน้ำมันพร่องลงไปพอสมควร
  2. แล้วจึงนำรถกลับไปเติมน้ำมันให้เต็มถังอีกครั้งจนหัวจ่ายตัดเช่นเดิม
  3. ให้ดูใบเสร็จหรือตู้จ่ายเพื่อจดบันทึก “จำนวนลิตร” ที่เติมเข้าไปใหม่ 
  4. รวมถึงจด “ระยะทาง” ที่วิ่งได้ทั้งหมดจากหน้าปัด Trip หรือนำเลขไมล์ใหม่ลบเลขไมล์เก่า

 

สรุปสูตรคำนวณค่าน้ำมัน

การหาค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรให้นำ “ราคาน้ำมันรวมที่จ่ายไปในการเติมครั้งหลัง” หารด้วย “ระยะทางที่วิ่งได้”

สูตร : ค่าน้ำมัน (บาท) ÷ ระยะทาง (กิโลเมตร) = ค่าน้ำมัน (บาท/กิโลเมตร)

ตัวอย่างเช่น : เติมน้ำมันไป 1,000 บาท วิ่งได้ 400 กิโลเมตร เท่ากับรถคันนี้มีค่าใช้จ่ายน้ำมันอยู่ที่ 2.5 บาทต่อกิโลเมตร

 

วิธีคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน (กิโลเมตร/ลิตร)

หากต้องการทราบสมรรถนะความประหยัดของเครื่องยนต์ ให้ใช้สูตร “ระยะทางที่วิ่งได้” หารด้วย “จำนวนลิตรที่เติมกลับเข้าไป”

สูตร : ระยะทาง (กิโลเมตร) ÷ จำนวนลิตร = อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน (กิโลเมตร/ลิตร)

โดยค่าที่ได้จะบอกว่าน้ำมัน 1 ลิตร รถสามารถวิ่งไปได้ไกลแค่ไหน ยิ่งตัวเลขสูงแสดงว่ารถมีความประหยัดน้ำมันมาก


 

เทคนิคขับรถให้ประหยัดน้ำมัน

เมื่อทราบอัตราสิ้นเปลืองจากการคำนวณแล้ว หากตัวเลขสูงกว่าที่ควรจะเป็น อาจต้องปรับเปลี่ยนวิธีการดูแลรถและพฤติกรรมการขับขี่เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย โดยมีเทคนิคเบื้องต้น ดังนี้

 

การตรวจเช็กลมยางและสภาพยางรถยนต์

ลมยางที่อ่อนเกินไปจะเพิ่มแรงเสียดทานกับพื้นถนน ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักและกินน้ำมันมากขึ้น

คำแนะนำ :

  • ควรตรวจเช็กลมยางอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และเติมให้ได้ตามมาตรฐานที่คู่มือรถกำหนด
  • ควรเลือกใช้ยางที่เหมาะสมกับการใช้งานและมีสภาพสมบูรณ์เพื่อลดแรงต้านการหมุน ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ดียิ่งขึ้น

 

พฤติกรรมการขับขี่ที่ควรเลี่ยง

การออกตัวกระชาก การเหยียบคันเร่งรุนแรง (Kick down) และการเบรกกะทันหันบ่อยครั้ง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ

คำแนะนำ :

  • ควรขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ ใช้ความเร็วตามกฎหมายกำหนด
  • คาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้าเพื่อชะลอความเร็วแทนการเบรกอย่างรุนแรง จะช่วยลดอัตราการซดน้ำมันลงได้อย่างเห็นได้ชัด

 

การบรรทุกของหนักเกินความจำเป็น

น้ำหนักบรรทุกแปรผันตรงกับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ยิ่งรถแบกน้ำหนักมาก เครื่องยนต์ก็ต้องใช้พลังงานในการขับเคลื่อนมากขึ้น

คำแนะนำ :

  • ควรหมั่นทำความสะอาดรถและนำสัมภาระที่ไม่จำเป็นออกจากท้ายรถ การลดน้ำหนักส่วนเกินลงจะช่วยลดภาระของเครื่องยนต์และทำให้ตัวเลขการประหยัดน้ำมันดีขึ้นทันที

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการคำนวณค่าน้ำมัน

สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มหัดคำนวณค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลต่อความแม่นยำ ซึ่งเราได้รวบรวมคำตอบไว้ให้แล้ว

 

1. ทำไมต้องคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน?

การทราบตัวเลขนี้ช่วยให้วางแผนค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้แม่นยำ อีกทั้งยังใช้เป็นดัชนีชี้วัดความผิดปกติของรถยนต์ได้ หากตัวเลขกินน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกตทั้งที่วิ่งเส้นทางเดิม อาจบ่งบอกถึงปัญหาระบบเครื่องยนต์ หัวฉีด กรองอากาศ หรือระบบจุดระเบิดที่ต้องได้รับการตรวจเช็ก

 

2. เติมน้ำมันต่างชนิดกัน (เช่น E20 กับ 95) วิธีคำนวณเหมือนกันหรือไม่?

ใช้วิธีการคำนวณเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกัน เนื่องจากน้ำมันแต่ละชนิดให้ค่าพลังงานความร้อนไม่เท่ากัน โดยปกติแก๊สโซฮอล์ 95 มักจะทำระยะทางได้ไกลกว่า E20 เล็กน้อย การคำนวณเปรียบเทียบจะช่วยให้ทราบว่ารถของคุณเติมน้ำมันชนิดไหนแล้วคุ้มค่าเงินที่สุด

 

3. ควรคำนวณค่าน้ำมันซ้ำบ่อยแค่ไหน เพื่อให้ได้ค่าเฉลี่ยที่แม่นยำ?

ควรทำเป็นประจำหรือทำต่อเนื่องอย่างน้อย 3-4 ถัง เพื่อหาค่าเฉลี่ย เนื่องจากการขับขี่แต่ละครั้งมีปัจจัยแปรผันที่แตกต่างกัน เช่น สภาพการจราจรติดขัด เส้นทางขึ้นเขา หรือการเปิดแอร์ ที่ส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลือง การหาค่าเฉลี่ยจากหลายถังจะให้ข้อมูลที่แม่นยำและเชื่อถือได้มากกว่า

 

รถกินน้ำมันผิดปกติ อาจเกิดจากยางและช่วงล่าง ให้ EZY FIT ช่วยดูแล

รถกินน้ำมันผิดปกติ

หากคำนวณแล้วพบว่ารถกินน้ำมันมากกว่าปกติ สาเหตุอาจมาจากยางเสื่อมสภาพหรือช่วงล่างมีปัญหา EZY FIT พร้อมให้บริการเปลี่ยนยางรถยนต์ ตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ และเปลี่ยนโช้คอัพถึงบ้านคุณ ด้วยเครื่องมือมาตรฐานและทีมช่างมืออาชีพ เพื่อคืนสมรรถนะการขับขี่ที่สมบูรณ์และช่วยให้รถของคุณกลับมาประหยัดน้ำมันอีกครั้ง

 

สรุปบทความ

การคำนวณค่าน้ำมันเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้เจ้าของรถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและตรวจสอบสุขภาพรถยนต์ไปในตัว หากต้องการดูแลรักษารถยนต์ให้พร้อมใช้งานและประหยัดน้ำมันอยู่เสมอ EZY FIT ยินดีให้บริการเปลี่ยนยาง น้ำมันเครื่อง และบำรุงรักษาตามระยะถึงที่บ้าน โดยเราให้บริการเฉพาะพื้นที่ กทม. ปริมณฑล ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง สามารถนัดหมายผ่านทางไลน์ @ezyfit หรือโทร 090-956-5566 ได้เลย!