สภาวะราคาน้ำมันผันผวนส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันโดยตรง การทราบอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจึงเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถวางแผนงบประมาณการเดินทางได้อย่างแม่นยำ บทความนี้จะมาแนะนำวิธีการคำนวณค่าน้ำมันด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ เพื่อให้คุณทราบต้นทุนที่แท้จริงว่ารถของคุณใช้น้ำมันกิโลเมตรละกี่บาท ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการบริหารรายจ่ายในแต่ละวันอย่างมีประสิทธิภาพ
ก่อนที่จะเริ่มใช้สูตรคำนวณ จำเป็นต้องเก็บข้อมูลการใช้งานจริงของรถยนต์ก่อน เพื่อให้ได้ตัวเลขที่แม่นยำและเข้าใจพฤติกรรมการขับขี่ของตัวเอง โดยมีขั้นตอนการเก็บข้อมูลและการคำนวณ ดังนี้
หมายเหตุ : หากรถรุ่นเก่าไม่มีฟังก์ชันนี้ ให้จดบันทึกเลขไมล์รวม (Odometer) ณ ปัจจุบันเอาไว้บนกระดาษหรือสมุดโน้ตเพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการวัดระยะทาง
การหาค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรให้นำ “ราคาน้ำมันรวมที่จ่ายไปในการเติมครั้งหลัง” หารด้วย “ระยะทางที่วิ่งได้”
สูตร : ค่าน้ำมัน (บาท) ÷ ระยะทาง (กิโลเมตร) = ค่าน้ำมัน (บาท/กิโลเมตร)
ตัวอย่างเช่น : เติมน้ำมันไป 1,000 บาท วิ่งได้ 400 กิโลเมตร เท่ากับรถคันนี้มีค่าใช้จ่ายน้ำมันอยู่ที่ 2.5 บาทต่อกิโลเมตร
หากต้องการทราบสมรรถนะความประหยัดของเครื่องยนต์ ให้ใช้สูตร “ระยะทางที่วิ่งได้” หารด้วย “จำนวนลิตรที่เติมกลับเข้าไป”
สูตร : ระยะทาง (กิโลเมตร) ÷ จำนวนลิตร = อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน (กิโลเมตร/ลิตร)
โดยค่าที่ได้จะบอกว่าน้ำมัน 1 ลิตร รถสามารถวิ่งไปได้ไกลแค่ไหน ยิ่งตัวเลขสูงแสดงว่ารถมีความประหยัดน้ำมันมาก
เมื่อทราบอัตราสิ้นเปลืองจากการคำนวณแล้ว หากตัวเลขสูงกว่าที่ควรจะเป็น อาจต้องปรับเปลี่ยนวิธีการดูแลรถและพฤติกรรมการขับขี่เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย โดยมีเทคนิคเบื้องต้น ดังนี้
ลมยางที่อ่อนเกินไปจะเพิ่มแรงเสียดทานกับพื้นถนน ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักและกินน้ำมันมากขึ้น
คำแนะนำ :
การออกตัวกระชาก การเหยียบคันเร่งรุนแรง (Kick down) และการเบรกกะทันหันบ่อยครั้ง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ
คำแนะนำ :
น้ำหนักบรรทุกแปรผันตรงกับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ยิ่งรถแบกน้ำหนักมาก เครื่องยนต์ก็ต้องใช้พลังงานในการขับเคลื่อนมากขึ้น
คำแนะนำ :
สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มหัดคำนวณค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลต่อความแม่นยำ ซึ่งเราได้รวบรวมคำตอบไว้ให้แล้ว
การทราบตัวเลขนี้ช่วยให้วางแผนค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้แม่นยำ อีกทั้งยังใช้เป็นดัชนีชี้วัดความผิดปกติของรถยนต์ได้ หากตัวเลขกินน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกตทั้งที่วิ่งเส้นทางเดิม อาจบ่งบอกถึงปัญหาระบบเครื่องยนต์ หัวฉีด กรองอากาศ หรือระบบจุดระเบิดที่ต้องได้รับการตรวจเช็ก
ใช้วิธีการคำนวณเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกัน เนื่องจากน้ำมันแต่ละชนิดให้ค่าพลังงานความร้อนไม่เท่ากัน โดยปกติแก๊สโซฮอล์ 95 มักจะทำระยะทางได้ไกลกว่า E20 เล็กน้อย การคำนวณเปรียบเทียบจะช่วยให้ทราบว่ารถของคุณเติมน้ำมันชนิดไหนแล้วคุ้มค่าเงินที่สุด
ควรทำเป็นประจำหรือทำต่อเนื่องอย่างน้อย 3-4 ถัง เพื่อหาค่าเฉลี่ย เนื่องจากการขับขี่แต่ละครั้งมีปัจจัยแปรผันที่แตกต่างกัน เช่น สภาพการจราจรติดขัด เส้นทางขึ้นเขา หรือการเปิดแอร์ ที่ส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลือง การหาค่าเฉลี่ยจากหลายถังจะให้ข้อมูลที่แม่นยำและเชื่อถือได้มากกว่า
หากคำนวณแล้วพบว่ารถกินน้ำมันมากกว่าปกติ สาเหตุอาจมาจากยางเสื่อมสภาพหรือช่วงล่างมีปัญหา EZY FIT พร้อมให้บริการเปลี่ยนยางรถยนต์ ตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ และเปลี่ยนโช้คอัพถึงบ้านคุณ ด้วยเครื่องมือมาตรฐานและทีมช่างมืออาชีพ เพื่อคืนสมรรถนะการขับขี่ที่สมบูรณ์และช่วยให้รถของคุณกลับมาประหยัดน้ำมันอีกครั้ง
การคำนวณค่าน้ำมันเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้เจ้าของรถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและตรวจสอบสุขภาพรถยนต์ไปในตัว หากต้องการดูแลรักษารถยนต์ให้พร้อมใช้งานและประหยัดน้ำมันอยู่เสมอ EZY FIT ยินดีให้บริการเปลี่ยนยาง น้ำมันเครื่อง และบำรุงรักษาตามระยะถึงที่บ้าน โดยเราให้บริการเฉพาะพื้นที่ กทม. ปริมณฑล ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง สามารถนัดหมายผ่านทางไลน์ @ezyfit หรือโทร 090-956-5566 ได้เลย!

