ขับรถ EV ลุยน้ำท่วมแบบไหน ให้ปลอดภัย?


1. เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินให้พร้อม

  • มีดตัดเข็มขัดนิรภัย ค้อนทุบกระจกฉุกเฉิน หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะทำให้สามารถออกจากตัวรถได้ทัน
  • ไฟฉาย  ช่วยส่องสว่างหรือขอความช่วยเหลือ ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในช่วงฝนตกหรือตอนกลางคืน 
  • ผ้าหรือกระดาษทิชชู่ ไว้เช็ด ซับน้ำที่ซึมเข้ามาภายในตัวรถซึ่งอาจจะทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆภายในรถ เสียหายได้

2. ปิดแอร์และเปิดหน้าต่างไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากพัดลมแอร์จะสามารถพัดน้ำที่ท่วมขังด้านนอกรถเข้าไปในห้องเครื่องเสี่ยงทำให้เครื่องยนต์ดับกลางถนนได้

3. ประเมินความลึกของน้ำ ระดับน้ำไม่ควรเกินครึ่งล้อ หรือประมาณ 40 ซม.และไม่ควรให้รถแช่อยู่ในน้ำเกิน 30 นาทีเพราะเมื่อน้ำท่วมสูงจะทำให้เราไม่เห็นสิ่งกัดขวางที่อยู่ด้านหน้ารถอาจจะ

ส่งผลกับระบบช่วงล่างได้และยังเกิดความเสี่ยงที่น้ำจะเข้ามาภายในเครื่องทำให้ระบบไฟฟ้าภายในเสียหาย 

❌ ไม่ควรฝืนขับต่อ แนะนำควรจอดไว้รอจนกว่าน้ำจะลดระดับลง 

4. ใช้ความเร็วต่ำ ขับต่อเนื่องไม่ควรหยุดหรือจอดแช่ในน้ำ แนะนำควรใช้ความเร็วประมาณ 60-80 กม./ชม. ถ้าเราขับรถในความเร็วสูงขณะน้ำท่วม แรงประทะจากรถที่สวนมา

จะทำให้คลื่นน้ำใต้ท้องรถสูงขื้นและอาจจะทำให้น้ำพัดเข้ามาภายในห้องเครื่องและจะทำให้ระบบต่างๆภายในรถเสียหายได้

1. ระดับน้ำ 5-10 เซนติเมตร
ระดับน้ำแบบปกติ ไม่มีผลอะไรต่อการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถขับผ่านไปได้

2. ระดับน้ำ 10-20 เซนติเมตร
น้ำท่วมระดับนี้ยังคงขับผ่านได้สบาย ๆ โดยไม่มีผลต่อเครื่องยนต์แต่เวลาขับรถสวนกันอาจจะเกิดคลื่นน้ำและได้ยินเสียงน้ำกระเพื่อมใต้ท้องรถเป็นบาง

3. ระดับน้ำ 20-40 เซนติเมตร
ระดับน้ำที่ท่วมสูงประมาณ 3 ใน 4 ของล้อรถ หากเป็นรถเก๋งไฟฟ้าขนาดเล็กเร็มเสี่ยงที่น้ำจะเข้ามาภายในตัวรถทำให้เบาะหรือพรมเปียกแฉะได้

4. ระดับน้ำ 40-60 เซนติเมตร
ระดับนี้เป็นอันตรายต่อรถเก๋งทุกประเภททั้งขนาดเล็ก-ใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด ส่วนรถกระบะหรือรถปิกอัพยังสามารถขับได้ 

5. ระดับน้ำ 60-80 เซนติเมตร
ระดับน้ำที่อันตรายกับรถยนต์ทุกประเภท ทั้งรถเก๋ง และ รถกระบะ มือใหม่หัดขับ หรือขับรถยังไม่ชำนาญแนะนำไม่ควรขับรถลุยน้ำในระดับนี้โดยเด็ดขาด

เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อตนเองและรถของคุณได้ 

6. ระดับน้ำ 80 เซนติเมตรขึ้นไป
ถือเป็นระดับที่สูงที่สุดที่รถยนต์จะขับลุยน้ำท่วมได้แล้ว เพราะมีความอันตรายมาก แนะนำเดินทางด้วยวิธีอื่นๆแทน หรือหากจำเป็นต้องขับลุยน้ำ ต้องขับอย่างต่อเนื่อง

หลีกเลี่ยงการหยุดรถหรือแช่น้ำไว้เกิน 30 นาทีเพราะมีความเสี่ยงเครื่องยนต์อาจเสียหายได้

 

   แนะนำการดูแลรถไฟฟ้าหลังขับรถลุยน้ำท่วม!! 

1.ตรวจสอบห้องโดยสาร เบาะ พรมในรถ ว่ามีโดนน้ำ หรือมีน้ำขังอยู่หรือไม่ ถ้ามีให้รีบเช็ด ทำความสะอาดหรือดูดน้ำออก หลังจากนั้นนำไปตากแดดแล้วค่อยนำกลับมาใช้งานใหม่ 

ที่สำคัญอย่าลืมตรวจสอบน้ำขังบริเวณใต้เบาะคนขับเพราะเป็นตำแหน่งที่ควบคุมถุงลมนิรภัย 

2.ตรวจสอบระบบเบรกและช่วงล่าง เมื่อขับขี่รถในขณะน้ำท่วมขังน้ำที่พัดกระเด็นเข้าต้ท้องรถอาจจะทำให้อุปกรณ์ช่วงล่างเกิดสนิมและจะส่งผลต่อประสิทธิภาพและการทำงานของรถได้

ระบบเบรก ความชื้นจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเบรกลดลง  ดังนั้นให้เราทดสอบเบรกโดยการเหยียบเบา ๆ หลาย ๆ ครั้งเพื่อให้ผ้าเบรกเสียดสีกับจานเบรกจนเกิดความร้อนจะช่วยไล่

ความชื้นออกและขับขี่ด้วยความเร็วต่ำจนกว่าเบรกจะกลับมาใช้งานได้ตามปกติ

3.ตรวจสอบแบตเตอรี่และระบบไฟฟ้า หากเราขับลุยน้ำลึกและแช่น้ำนานจนเกินไปอาจจะสร้างความเสียหายแก่ระบบไฟฟ้าภายในรถได้  เช่น ฟิวส์หรือ กล่อง ECU (Electronic Control Unit) 

ว่าเปียกน้ำหรืออยู่ในสภาพปกติหรือไม่ หากผิดปกติ แนะนำให้ถอดขั้วแบตเตอรี่ออกแล้วรอช่างมาตรวจสอบ 

4.ตรวจสอบระบบปรับอากาศ หลังจากขับรถลุยน้ำท่วมจะเกิดความชื้นขึ้นได้ ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่นอับและกลิ่นไม่พึงประสงค์อื่นๆเข้ามาผ่านระบบปรับอากาศ 

ดังนั้นควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อล้างแอร์รถยนต์ พร้อมอบโอโซนฆ่าเชื้อโรค เพื่อลดกลิ่นอับและยังทำให้อากาศภายในห้องโดยสารสะอาดขึ้นด้วย 

       การดูแลรถยนต์ไฟฟ้าหลังจากลุยน้ำท่วมเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรรีบดำเนินการตรวจเช็คระบบต่างทันที หรือ ภายใน 1-2 วัน และต้องทำด้วยความระมัดระวังไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้

ระบบต่างๆภายในรถเสียหายมากกว่าเดิมได้ หากไม่สามารถเช็คสภาพรถได้ด้วยตนเองแนะนำนำรถไปตรวจสภาพกับช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ช่างตรวจสอบและแก้ไขได้อย่างทันเวลาเพื่อ

เพิ่มความปลอดภัยให้กับรถและผู้ใช้รถและที่สำคัญช่วยยืดอายุของรถยนต์ไฟฟ้าของคุณให้ยาวนานขึ้นได้อีกด้วย… 

 

 

 

เมื่อเปลี่ยนยางรถไฟฟ้า  4 เส้น กับ อีซี่ ฟิต รับฟรี!! 

  • ฟรีค่าบริการ เปลี่ยนยาง ตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ เติมลมไนโตรเจน ถึงหน้าบ้านคุณ (เมื่อซื้อยางครบ 4 เส้น)
  • ฟรี ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ 30 รายการ
  • รับประกัน บาด บวม แตก เคลมฟรี 1 ปี หรือ 25,000 กม.
  • ฟรี สลับยาง-ถ่วงล้อ จำนวน 5 ครั้ง 

🏠 *ให้บริการเฉพาะกทม. ปริมณฑล ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง

✅สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

คลิกเพื่อแอดไลน์

📞โทร. 090-956-5566