สำหรับเจ้าของรถยนต์หลายคนที่ใช้รถมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสนิมใต้ท้องรถ ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะรถที่ต้องเผชิญกับสภาพถนนที่มีน้ำท่วมขังหรือความชื้นสูง การกัดกร่อนของโลหะใต้ท้องรถถือเป็นภัยเงียบที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของโครงสร้างรถในระยะยาว การพ่นกันสนิมใต้ท้องรถจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรศึกษาข้อดีและข้อเสียให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจทำ
การพ่นกันสนิมใต้ท้องรถยนต์ คือการเคลือบสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการป้องกันการกัดกร่อนบนพื้นผิวโลหะบริเวณใต้ท้องรถยนต์ทั้งหมด สารเคลือบนี้จะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนโลหะสัมผัสโดยตรงกับน้ำ ความชื้น ฝุ่น โคลน หรือสารเคมีจากถนน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสนิม
แม้ว่ารถยนต์รุ่นใหม่จะมีการเคลือบกันสนิมจากโรงงานมาแล้วในระดับหนึ่ง แต่การพ่นกันสนิมใต้ท้องรถ สามารถลดความเสี่ยงจากปัญหาการผุกร่อนในอนาคต
ก่อนที่จะตัดสินใจพ่นกันสนิมใต้ท้องรถ ควรมีการพิจารณาอย่างรอบด้านถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจตามมา โดยเฉพาะผลกระทบด้านค่าใช้จ่ายและเงื่อนไขการรับประกันของรถยนต์แต่ละคัน
ราคาพ่นกันสนิมใต้ท้องรถมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับขนาดของรถยนต์และประเภทของน้ำยาที่เลือกใช้ โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายเริ่มต้นอาจอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาทไปจนถึง 10,000 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุก 1-3 ปี ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
รถยนต์รุ่นใหม่ส่วนใหญ่มักมีการรับประกันการเกิดสนิมจากโรงงานผู้ผลิต การพ่นสารกันสนิมจากภายนอกที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง อาจส่งผลให้เงื่อนไขการรับประกันบางส่วนของรถยนต์จากศูนย์บริการเป็นโมฆะได้ ดังนั้น ควรตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันและปรึกษาศูนย์บริการก่อนเสมอ
สารเคมีที่ใช้ในการพ่นกันสนิม บางประเภทอาจมีกลิ่นฉุนในช่วงแรกที่ทำการพ่น ซึ่งกลิ่นจะค่อย ๆ จางหายไปเองตามระยะเวลา อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย ควรเลือกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญที่มีกระบวนการทำงานที่ได้มาตรฐานและมีการระบายอากาศที่ดี เพื่อป้องกันการสัมผัสสารเคมีที่ไม่จำเป็น
ความถี่ในการพ่นกันสนิมใต้ท้องรถขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานและสภาพแวดล้อมที่รถต้องเผชิญ หากรถใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง มีฝนตกชุก หรือใกล้ทะเลที่มีไอเกลือ ควรพ่นซ้ำปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อคงประสิทธิภาพการป้องกัน แต่หากใช้งานในพื้นที่แห้งและจอดในร่มเป็นส่วนใหญ่ การพ่นทุก 2-3 ปีก็เพียงพอแล้ว
น้ำยาพ่นกันสนิมที่ใช้ในท้องตลาดมีความแตกต่างกันตามส่วนประกอบหลักและคุณสมบัติในการป้องกัน ผู้ใช้รถควรเลือกประเภทที่เหมาะสมกับสภาพการใช้งานและงบประมาณ
เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการพ่นกันสนิมใต้ท้องรถ พร้อมคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรถยนต์มาไว้ในส่วนนี้
รถยนต์รุ่นใหม่ส่วนใหญ่มีการเคลือบป้องกันสนิมที่ได้มาตรฐานมาจากโรงงานแล้ว จึงอาจไม่จำเป็นต้องพ่นเพิ่มเติมทันที แต่สำหรับผู้ที่อาศัยในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ใกล้ทะเล หรือต้องขับลุยน้ำเป็นประจำ การพ่นกันสนิมเสริมหลังจากใช้งานไปแล้ว 1-2 ปี จะช่วยเพิ่มความทนทานในระยะยาว
โดยทั่วไปผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้พ่นซ้ำทุก 1-2 ปี หากรถต้องใช้งานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น มีความชื้นสูง หรือมีไอเกลือทะเล การตรวจสอบสภาพใต้ท้องรถเป็นประจำและปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้กำหนดความถี่ที่เหมาะสมได้
หากดำเนินการโดยช่างที่ไม่มีความชำนาญ การพ่นที่ไม่ทั่วถึงหรือไม่ครอบคลุม หรือการใช้น้ำยาที่คุณภาพต่ำ อาจส่งผลให้เกิดการสะสมของสารเคมีในบางจุด หรือน้ำยาหลุดร่อน ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้ ดังนั้น การเลือกผู้ให้บริการที่ได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญ
นอกเหนือจากการพ่นกันสนิมเพื่อดูแลโครงสร้างรถยนต์แล้ว ชิ้นส่วนสำคัญอย่างระบบช่วงล่าง โดยเฉพาะ โช้คอัพ ก็เป็นส่วนที่ต้องเผชิญกับสภาพถนนและน้ำโดยตรง การดูแลช่วงล่างให้พร้อมอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็น EZY FIT มีบริการเปลี่ยนโช้คอัพและดูแลระบบช่วงล่างถึงที่บ้านคุณ พร้อมตรวจเช็กสภาพรถให้คุณอย่างครบวงจร เพื่อให้ทุกการเดินทางของคุณมั่นใจและปลอดภัย
การพ่นกันสนิมใต้ท้องรถ ถือเป็นทางเลือกในการดูแลรักษาที่ช่วยเพิ่มความอุ่นใจและยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ได้ในระยะยาว หากคุณเป็นเจ้าของรถที่ต้องการการป้องกันสูงสุดสำหรับโครงสร้างใต้ท้องรถ การลงทุนในส่วนนี้ย่อมคุ้มค่า หากคุณต้องการตรวจเช็กหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนสำคัญ เช่น โช้คอัพ ผ้าเบรก หรือยางรถยนต์ EZY FIT พร้อมให้บริการถึงที่บ้านคุณในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แอดไลน์ @ezyfit หรือโทร 090-956-5566

